วิธีการ รักษาสิว และป้องกันการเกิดซ้ำ ต้องทำอย่างไร ?
รักษาสิว ปัญหาสิวที่พบได้บ่อยและมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือ เพศชาย โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น ช่วงที่โฮโมนในร่างกายกำลังปรับตัวนั้น ปัญหาที่พบมากที่สุด คือ “ปัญหาสิว” ค่ะ ทั้งสิวอุดตัน สิวผด สิวอักเสบ รุนแรงที่สุดคือสิวหัวช้าง สิวซีสต์ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาตั้งแต่ระยะแรก ๆ อาจทำให้สิวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆและอาจทิ้งรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวถาวรได้ ดังนั้นเราจะอธิบายเกี่ยวกับการรักษาปัญหาสิวให้ถูกวิธี ทำได้อย่างไรบ้าง และมีวิธีไหนที่เห็นผลเร็ว และการเลือกใช้วิธีรักษาสิว รู้ถึงสาเหตุของการเกิดสิว รวมถึงการรักษารอยดำ รอยแดง หลุมสิว และการดูแลผิวไม่ให้กลับมาเป็นสิวซ้ำอีก มีหลากหลายวิธีมาดูกันเลยค่ะ

สาเหตุของการเกิดสิวและปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวบนใบหน้า
ปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาสิวบนใบหน้า ส่วนใหญ่นั้น จะเกิดจาก(hormone)ในร่างกายปรับตัวโดยเฉพาะช่วงวัยรุ่น และสภาวะแวดล้อมในการใช้ชีวตประจำวัน รวมถึงพฤติกรรมและการใช้ชีวิตในแต่ละวันของแต่ละบุคคลด้วยค่ะ เช่นความสะอาดกับการดูแลสุขอนามัยของแต่ละบุคคลด้วยค่ะ ทำให้เกิดสิวตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายเราได้และจะมีลักษณะสิวที่แตกต่างกันไปนั้นเองค่ะ สรุปสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิวได้นั้นมีข้อสรุปคร่าวๆดังต่อไปนี้ค่ะ
รักษาสิว ภาวะแอนโดรเจนในร่างกายมีมากเกินไป
ภาวะแอนโดรเจนในร่างกายมีมากเกินไป ( Hyperandrogenism/Hyperandrogenemia ) ภาวะแอนโดรเจนเกินคือเป็นภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมน Androgen มามากจนเกินไป ผลิตมากเกินความต้องการเลยทำให้เกิดสิว สามารถ เกิดขึ้นได้ทั้งหญิงและชาย โดยเฉพาะในเพศหญิงวัยเจริญพันธุ์ช่วงวัยรุ่นที่เริ่มมีประจำเดือนนั้นเอง ทำให้ผิวผลิตน้ำมันออกมาเป็นจำนวนมาก มักจะทำให้เกิดสิวระยะรุนแรงและเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการมีขนขึ้นตามร่างกายมากกว่าปกติ ทำให้ ผมร่วง ศีรษะล้าน ประจำเดือนมาไม่ปกติ นั่นเอง

พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน
สามารถสังเกตได้ง่ายๆ จากการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล บางคนพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนหลับไม่เพียงพอ บางคน มีปัญหาความเครียดสะสม และบางคนดูดบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ไม่ค่อยได้ใส่ใจสุขภาพ ร่างกายให้ดี และการทำความสะอาดร่างกายก็สำคัญ ถ้าทำความสะอาดไม่ดี จะพบสิวขึ้นได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งเกิดจากฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรานั้นเอง จึงเป็นสาเหตุของการเกิดสิวและสิวอักเสบนั้นเองค่ะ
สิ่งแวดล้อมและมลภาวะในอากาศ
เพราะสภาพ อากาศทุกวันนี้ ร้อนจัด มลพิษทางอากาศเช่น ฝุ่นละออง ควัน จะมีอนุภาคขนาดเล็กที่สามารถเกาะติดผิวและอุดตันรูขุมขนของเราได้ เลยทำให้เกิดสิวได้ในที่สุด โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวที่แพ้ง่าย และไวต่อการเกิดสิวได้มากขึ้น การสวมหน้ากากอนามัยบ่อยๆ ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน เนื่องจากผิวจะเกิดการเสียดสีและหน้ากากอับชื้นจากลมหายใจ แบคทีเรียที่ผิวจะเจริญที่รูขุมขนได้มากขึ้นทำให้เกิดสิวขึ้น บางคนเรียกว่าการแพ้หน้ากากอนามัยค่ะ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้หลีกเลี่ยงได้ยาก จึงต้องทำความสะอาดและดูแลผิวหน้าให้มากขึ้น
รักษาสิว การใช้เครื่องสำอาง
เชื่อว่าทุกคนมีการใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่นครีม แป้ง เครื่องสำอาง ทาลงบริเวณผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าหรือลำตัว ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เราใช้นั้น สามารถที่จะเข้าไปอุดตันรูขุมขนได้ และทำให้เกิดสิวตามมาได้ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิวบ่อย ๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ถ้าเกิดจำเป็นต้องใช้จริงๆ ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และมีน้ำเป็นส่วนประกอบ (oil-free, water-based) ควรจะเลือกผลิตภัณฑ์ประเภท noncomedogenic และ non-acnegenic ค่ะ จะได้ลดการเกิดปัญหาสิวสะสม
การรับประทานอาหาร ประเภทต่างๆ
หากรับประทานอาหารประเภทใดบ่อย ๆ แล้วเกิดเป็นสิว ยกตัวอย่างเช่น จากปกติแล้วคุณมีสิวอยู่แล้วแต่พอดีช่วงนี้ รับประทานอาหารประเภททอดๆเยอะไปหน่อย แล้วคุณสังเกตว่าสิวขึ้นเยอะมากกว่าเดิม ให้คุณหลีกเลี่ยงหรือหยุดรับประทานอาหารชนิดนั้น ๆ ก่อน โดยเฉพาะอาหารรสหวาน มัน ของทอด ที่มีแป้งหรือน้ำตาลมากเกินไป เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดสิวอักเสบค่ะ ในความเป็นจริงแล้ว ยังไม่มีผลงานวิจัยใดที่รองรับว่า อาหารเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้ค่ะ
วิธีการ รักษาสิว
วิธีการ รักษาสิว เบื้องต้นเราต้องดูก่อนว่าลักษณะของสิวที่เกิดขึ้น นั้นเป็นสิวแบบไหนประเภทไหน และเป็นสิวบริเวณไหนของร่างกายเช่น สิวที่ขึ้นตามหลัง หรือสิวที่เกิดบนใบหน้า อาการของสิวที่เป็นอยู่นั้นมีความรุนแรงไหม ซึ่งการรักษาสิวที่ถูกวิธีมีหลากหลายแบบ ดังต่อไปนี้ค่ะ
- การรักษาสิวโดยใช้ยาเฉพาะที่ (เฉพาะจุด)
แต่เบื้องต้นเราควรปรึกษาแพทย์ก่อน แนวทางนี้เป็นการรักษาสิวโดยใช้ยาทาบริเวณที่เกิดสิวในร่างกาย สามารถรักษาได้ทั้งสิวที่เกิดขึ้นบนใบหน้าและ สิวที่หน้าอก สิวที่หลัง โดยเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิวไม่รุนแรงมากนัก เช่น สิวผด สิวไม่มีหัว กลุ่มยาทาที่ใช้รักษาสิว ได้แก่
⭐️กลุ่มยาปฏิชีวนะ ใช้ทาเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นตัวการทำให้เกิดสิวอักเสบนั้นเอง
⭐️กลุ่ม ยา benzoyl peroxide ช่วยลดการระคายเคืองของผิว อาการแพ้ คัน ผื่น นั้นเอง
⭐️กลุ่ม ยา Retinoid หรืออนุพันธ์วิตามิน A ลดการอุดตันรูขุมขน ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่า และเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้อีกด้วยในการทายารักษาสิวนั้นต้องทำตามคำแนะนำของแพทย์ด้วย วิธีนี้ ทำได้ง่าย ไม่ต้องเจ็บตัว ควรระวังบางที่ อาจจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย อาจทำให้เกิดรอยแดง แห้งหรือลอกได้ จึงควรทาบาง ๆ และเริ่มที่ปริมาณน้อย ๆก่อน และการใช้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เกิดการดื้อยาได้
- การรักษาสิวโดย การทานยา
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่การรักษาสิวโดย การใช้วิธีกินยา เหมาะสำหรับคนไข้หรือผู้ที่เกิดสิวอักเสบปานกลางถึงระยะรุนแรง ที่ไม่สามารถรักษาสิวด้วยการทายาเพียงอย่างเดียวได้ ทางแพทย์ก็จะจ่ายยาให้ทานเพื่อรักษาสิว การรับประทานยาในการรักษาสิวนั้น ไม่ควรซื้อยามาทานเองโดยเด็ดขาด ต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะยาที่ใช้ในการรักษา อาจมีผลข้างเคียงต่อร่างกายเราได้ และไม่ควรทานยาขณะตั้งครรภ์ เพราะจะส่งผลให้ทารกเกิดความพิการได้ค่ะ - การรักษาสิวโดย วิธีทางกายภาพ
การรักษาแบบ วิธี Chemical peeling การรักษาสิวด้วยวิธี Chemical peeling การนำสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น AHA, BHA หรือ TCA ทาลงไปที่ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังชั้นนอกเกิดการหลุดลอกออก ทำให้ร่างกายสร้างผิวชั้นบนขึ้นมาใหม่ และเกิดการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นผิวมากขึ้น ทำให้ผิวนุ่ม เรียบเนียนและยังช่วยลดการอุดตันของสิว ลดการเกิดสิวได้ค่ะ โดยสารเคมีแต่ละตัวที่จะนำมาใช้นั้น มีความสามารถในการซึมผ่านชั้นผิวแตกต่างกัน ดังนั้นควรเข้ารับการรักษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้นค่ะ - การรักษาแบบ ฉีดสิว การฉีดยาใต้หัวสิว
การใช้ยากลุ่ม steroid ในการรักษาสิว โดยการฉีดยา โดยวิธีนี้จะใช้เพื่อรักษาสิวที่มีการอักเสบ อาทิเช่น สิวแบบตุ่ม สิวหัวช้าง สิวซีสต์ สิวหนอง และสิวอักเสบลึก โดยการรักษาจะเป็นการฉีดเข้าไปใต้หัวสิว การรักษาแบบ ฉีดสิว เป็นวิธีที่เห็นผลเร็ว แต่การฉีดสิวอาจพบผลข้างเคียง ควรฉีดสิวกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น และผู้ที่มีโรคประจำตัวบางโรค เช่น โรคเบาหวานชนิดควบคุมอาการไม่ได้ หัวใจวาย ความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรง โรคสะเก็ดเงิน และผู้มีประวัติแพ้ยา triamcinolone ควรหลีกเลี่ยงการฉีดสิวค่ะ
- การรักษาแบบ การกดสิว
การรักษาสิวด้วยการกดสิว เป็นวิธีที่นิยมมากๆ ทำเพื่อรักษาสิวอุดตัน มีจุดประสงค์เพื่อนำหัวสิวอุดตันที่อยู่ใต้ผิวหนังออกได้เร็วขึ้น และลดโอกาสเกิดสิวอักเสบ คนส่วนใหญ่มักจะทำการบีบสิวด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เพราะอาจจะทิ้งรอยดำ รอยแดง หลุมสิว แนะนำให้กดสิวกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและเครื่องมือสะอาดปลอดเชื้อเท่านั้น - การรักษาโดย การเสริม adjunctive therapy
การรักษาโดย การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว คนที่มีสิวอักเสบและดูแลรักษาไม่ถูกต้อง หลังสิวหายอาจทิ้งร่องรอยถาวรให้กับผิวหรือที่เรียกว่า หลุมสิว ได้ค่ะ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดปัญหาหลุมสิวได้ง่าย โดยฟิลเลอร์คือสารไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic acid) เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณที่เป็นหลุมสิว จะช่วยดึงดูดน้ำเข้ามาบริเวณที่ฉีด เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น เรียบเนียนขึ้น เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และใช้เวลาในการรักษาไม่นาน ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น แต่ไม่สามารถใช้ได้กับหลุมสิวได้ทุกประเภทค่ะ - การทำ เลเซอร์วีบีม (V beam Pulse dye laser)
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่อง รอยแดง รอยดำ ซึ่งเกิดจากการเป็น สิว โดย เครื่องเลเซอร์แบบ V beam จะมีส่วนช่วยทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังบริเวณที่เป็น รอยแดง รอยดำ ถูกทำลาย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเรียงตัวของเส้นเลือดใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นผิวหนังให้เกิดการสร้างคอลลาเจน การทำ เลเซอร์วีบีม จึงทำให้รอยแดงที่เกิดจากสิวลดลงและหายไปได้นั่นเอง - การทำ เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ CO2
ช่วยในการแก้ไขปัญหาสิวอุดตัน โดยเลเซอร์จะเข้าไปช่วยเปิดช่องทางออกของต่อมไขมัน ทำให้เกิดการอุดตันน้อยลง และช่วยรักษารอยแดง รอยแดงที่เกิดจากสิวด้วย - การทำ Omnilux นวัตกรรมแสงบำบัด (Light therapy)
เป็นแนวทางในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอักเสบ วิธีนี้จะเป็นการรักษาสิวด้วยแสงสีน้ำเงิน และ แสงสีแดง หรือก็คือ Omnilux Blue และ Omnilux Revive 2 ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบ บวมแดง และยังช่วยลดต้นเหตุของการเกิดสิวด้วยการ ควบคุมความมันบนชั้นผิวอีกด้วย - การใช้สกินแคร์เพื่อรักษาสิว
การทาครีม ทาสกินแคร์ เพื่อรักษาสิวเป็นวิธีที่ง่าย ไม่ต้องเจ็บตัว เหมาะกับคนที่มีสิวไม่มาก อยู่ในระยะไม่รุนแรงจนถึงระยะปานกลาง ผลการรักษาขึ้นอยู่กับการเลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิวครับ
- การ ฉีดวิตามินผิว การฉีดเมโสหน้าใส
การฉีด เมโสหน้าใส เป็นการรักษาสิวที่บำรุงผิวหน้าจากผิวชั้นในโดยตรง โดยการฉีดตัวยาที่เป็นสารสกัดที่มีประโยชน์ต่อผิว รวมถึงวิตามินเข้าสู่ชั้นผิว เทียบได้กับการนำส่วนผสมที่มีอยู่ในครีมต่าง ๆ เข้าสู่ผิวโดยตรง โดยเฉพาะสารที่ดูดซึมยาก ทำให้เห็นผลได้ไวกว่าการทาครีม - การรักษาแบบ การทำเลเซอร์ Laser / Light therapy
การทำเลเซอร์รักษาสิว เป็นวิธีที่นิยมมากๆ ในปัจจุบัน เครื่องยิงเลเซอร์มีหลากหลายประเภทมากค่ะ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาสิวหรือปัญหาผิวหน้าที่เกิดจากสิวได้แตกต่างกันไป มีดังนี้⭐️การทำ พิโคเลเซอร์ (Picosecond Laser)
เครื่องเลเซอร์แบบ Picosecond Laser ใช้ในการลดรอยดำจากสิว กระตุ้นคอลลาเจน และช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นค่ะสิ่งที่ควรระวังในการทำ พิโคเลเซอร์ คือ หากทำบ่อยจนเกินไป จะส่งผลให้ชั้นผิวจะบางลง และยังมีส่วนทำให้รอยดำเข้มขึ้นอีกด้วย การทำเลเซอร์เป็นประจำมีส่วนทำให้ผิวหนังไวต่อแสงมากขึ้น และหากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ดี หรือไม่ได้ทาครีมกันแดดที่มากพอ ก็จะมีโอกาสทำให้เกิดฝ้า กระ ได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้น ผู้ที่ต้องการทำเลเซอร์ ก็ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และจะต้องดูแลผิวหนังหลังทำอย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเอง
PromotionsBotoxMSP CLINIC






ติดต่อ MY SUPER CLINIC
หากคุณสนใจเข้ารับบริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อ MSP Clinic ได้ทันที เวลาทำการ วันอังคาร – วันอาทิตย์ ตั้งแต่ 11.30 – 20.00น.
- All
- Botox
- Filler
- Meso