วิธีรักษา หลุมสิว ต้องทำอย่างไรและมีวิธีไหนบ้าง ?

หลุมสิว ปัญหาที่พบบ่อยมากที่สุด ในคนไข้ที่มีหลุมสิว หลุมสิวเกิดจาก ปัญหาสิวที่มีการอักเสบและอุดตัน โดยปกติแล้วหลังจากสิวหายแล้ว ผิวหนังจะมีการซ่อมแซมโดยไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น อาจจะใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน หลังจากสิวหาย ตรงผิวส่วนนั้นจะมีการสร้างเซลล์ผิวหนังและคอลลาเจนล้อมรอบบริเวณที่มีการอักเสบ ซึ่งถ้ากระบวนการนี้เกิดได้อย่างสมบูรณ์ก็จะไม่มีรอยแผลเป็นที่จากการเกิดสิวเลย แต่ถ้ากระบวนการไม่สมบูรณ์หรือผิวเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง จนทำให้ผิวยุบลง ทำให้สร้างคอลลาเจนใหม่ได้ไม่เพียงพอต่อคอลลาเจนที่ถูกทำลายไป เซลล์เนื้อเยื่อก็จะเกิดการหดรัดตัว ทำให้เกิดรอยแผลเป็นหรือหลุมจากสิวได้ นั้นเอง

วิธีรักษา หลุมสิว, หลุมสิว
สารบัญ
    Add a header to begin generating the table of contents

    วิธีรักษา หลุมสิว ให้หาย ต้องทำอย่างไร ?

    เมื่อมีปัญหาการเกิดสิวหรือหลุมสิวเกิดขึ้นในบริเวณบนใบหน้าของคุณ วิธีรักษาหลุมสิว ควรทำการดูแลรักษาเบื้องต้นได้ โดยการดูแลผิวให้ไม่เกิดอาการอักเสบซ้ำของรอยหลุมสิว ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

    1. ล้างหน้าให้สะอาดวันละ 2 ครั้ง
    2. ลดการทานอาหารประเภท ทอด ลดอาหารมันและอาหารหวาน
    3. ล้างเครื่องสำอางให้สะอาดก่อนนอนทุกคืน
    4. ควรงดสัมผัสหรือจับบริเวณที่เป็นหลุมสิวหรือแผล เช่น บีบ แคะ เกา ลูบ
    5. ควรงดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมแอลกอฮอล์ น้ำหอม น้ำมัน และไวต์เทนนิง และเลี่ยง
    6. การใช้เครื่องสำอางตกแต่งหรือปกปิดหลุมสิวบนใบหน้าเด็ดขาด
    7. ควรหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในบริเวณ สภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นละออง ควัน และสิ่งสกปรก
    วิธีรักษา หลุมสิว
    วิธีรักษา หลุมสิว

    สิวมีกี่ประเภท สิวแบบไหนที่ทำให้เป็น หลุมสิว

    สิวแบบไหนที่สามารถกลายเป็น หลุมสิว ได้ ลักษณะของสิวที่สามารถกลายเป็นหลุมสิวได้มีดังนี้ค่ะ

    • สิวหัวช้างเม็ดใหญ่ (Cyst) เป็นสิวขนาดใหญ่ ที่มีหนองปนกับเลือดอยู่ภายในหัวสิว ใช้
    • เวลาในการรักษานาน
    • สิวอักเสบรุนแรง (Pustule) หรือสิวหัวหนอง อักเสบเรื้อรัง
    • สิวที่ติดเชื้อแบคทีเรียจนลุกลามไปทั่วชั้นใต้ผิว (Nodule)

    วิธีการรักษา หลุมสิว และปัญหารูขุมขนกว้าง​

    เนื่องจาก หลุมสิว นั้นมีหลายประเภท และยังมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันแล้ว วิธีการรักษาหลุมสิวในแต่ละเคสนั้นอาจต้องใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างกันไป หรือทำร่วมกันได้ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี และยังมีวิธีการรักษาที่ช่วยให้หลุมสิวดีขึ้นมีหลายวิธีอีกด้วย แต่ก็ยังไม่มีวิธีที่ได้ผล 100% ผลการรักษาหลุมสิวนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของหลุมสิวที่เป็นค่ะ สามารถรักษาได้ตามวิธีดังนี้เลยค่ะ มาดูกันเลย!

    วิธีรักษา หลุมสิว

    1.การรักษาหลุมสิวโดยการ ฉีดเมโสรักษาหลุมสิว

    โดยการรักษาหลุมสิวด้วยการฉีด เมโสหลุมสิวนั้นเป็นที่นิยมเหมือนกัน เป็นการฉีดตัวยา ฉีดเมโส ที่มีส่วนผสมที่ช่วยให้ลดรอยด่างดำบนใบหน้า และวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงผิว สามราถช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงและยัง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้เซลล์ผิวใหม่ให้ช่วยฟื้นฟู ซ่อมแซมผิวได้มีสุขภาพที่ดีขึ้น เหมาะสำหรับหลุมสิวที่มีความรุนแรงไม่มาก หลังฉีดจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ฟูเด้ง เรียบเนียน ช่วยให้ผิวเก็บความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

    วิธีรักษา หลุมสิว

    2.การรักษา หลุมสิว โดย การผ่าตัด

    อีกหนึ่งวิธีในการรักษาหลุมสิวก็คือ การผ่าตัด (Punch Excision) โดยการใช้เครื่องมือขนาดเล็ก มาตัดผิวหนังในบริเวณที่เป็นหลุมสิว และทำการเย็บติดขอบทั้ง 2 ข้าง เหมาะกับการรักษาหลุมสิวชนิด Ice pix scar ที่เป็นมานาน การผ่าตัดหลุมสิวเป็นวิธีการสร้างแผลใหม่ ซึ่งเวลาที่ผิวเกิดการบาดเจ็บหรือมีแผลใหม่และทำลายพังผืดก็จะมีการกระตุ้นคอลลาเจนไปในตัว ทำให้เห็นผลในการรักษาอย่างชัดเจน หลังการผ่าตัดคนไข้จะต้องดูแลตัวเองอย่างดี และอีก 1 สัปดาห์คนไข้จะต้องมาตัดไหมที่เย็บแผล และเมื่อตัดไหมแล้วจะเป็นรอยเส้นตรง ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน รอยเส้นตรงจะเริ่มดีขึ้น คนไข้ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดและห้ามให้แผลโดนน้ำอย่างน้อย 3 วันค่ะ ช่วงพักฟื้นแผลแนะนำว่าไม่ควรแต่งหน้าค่ะ เพราะผิวกำลังปรับสภาพและฟื้นฟู หากเราแต่งหน้าแล้วเครื่องสำอางไปกดทับ อาจจะเกิดสิวอุดตันและอักเสบขึ้นมาได้อีกครั้งค่ะ

    วิธีรักษา หลุมสิว

    3. การรักษาหลุมสิวโดย ฉีดสารเติมเต็มหรือฉีดฟิลเลอร์

    การรักษาหลุมสิวโดย การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว (Fillers injection) เป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แทบกับการฉีดฟิลเลอร์ยกหน้าเลยก็ว่าได้ เพราะสามารถทำร่วมกับวิธีการรักษาแบบอื่น ๆ ได้ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์เร็ว วิธีการฉีดสารเติมเต็มหรือ ฉีดฟิลเลอร์ คือ ใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด ฉีดบริเวณที่เป็นหลุมสิวเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะจุด และยังช่วยแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย เมื่อทำการฉีดแล้วจะส่งผลให้ หลุมสิวที่ลึก ดูตื้นขึ้น และยังสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ภายในทันที มีอาการบาดเจ็บน้อยและยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้นอีกด้วย ผิวอิ่มเต็มและ กระชับเรียบเนียนเป็นธรรมชาติเลยค่ะ ส่วนจะใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนนั้นสามารถปรึกษาแพทย์ ให้ช่วยประเมินได้ค่ะ การฉีดสารเติมเต็มหรือฉีดฟิลเลอร์นั้นยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนังให้ผิวอิ่มน้ำ ชุ่มชื้นขึ้น ใช้เวลาพักฟื้นสั้น ไม่เกิดรอยแผล สามารถใช้ใบหน้าได้ทันทีเลยค่ะ แต่ต้องเลือกทำกับหมอที่มีความชำนาญเท่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีและที่สวยงามในทันทีค่ะ

    วิธีรักษา หลุมสิว

    4.การรักษาหลุมสิวด้วยการเลเซอร์

    การ เลเซอร์หลุมสิว (Laser) เป็นการรักษาหลุมสิวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากค่ะ เพราะเป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน เพื่อแก้ปัญหาหลุมสิวโดยการเลเซอร์นั้น จะมีทั้งชนิดลอกผิว และชนิดไม่ลอกผิว โดยการเลเซอร์หลุมสิวนั้น แพทย์จะแนะนำการใช้เลเซอร์รักษาหลุมสิวที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน แต่ละเคสจะไม่เหมือนกันค่ะ หลังทำอาจจะมีผลข้างเคียงคือ ผิวจะแดงมีการตกสะเก็ด ทำให้ผิวแห้งลอก ต้องอาศัยระยะเวลาในการพักฟื้น เลี่ยงการออกไปโดนแดดร้อนจัดค่ะ และควรทาครีมกันแดดทุกครั้ง สำหรับใครที่สนใจวิธีนี้จะต้องวางแผนให้ดีก่อน เพราะไม่เหมาะกับผู้ที่เจอแดดทุกวันและคนต้องการใช้หน้าได้เลยค่ะ

    วิธีรักษา หลุมสิว

    5. การรักษาหลุมสิวด้วย คลื่นวิทยุ

    วิธีรักษาจะคล้ายๆกับการใช้เลเซอร์รักษาหลุมสิวเลยค่ะ โดยการใช้คลื่นวิทยุ ปล่อยพลังงานทำให้เกิดความร้อนที่ชั้นผิวตรงที่เป็นหลุมสิวค่ะ คลื่นจะไปกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนที่ผิวชั้นล่าง แต่ก็มีผลข้างเคียงอาจจะทำให้ใบ หน้าบวม แดง รวมถึงจะอาศัยระยะเวลาในการพักฟื้นนานกว่าการทำเลเซอร์ค่ะ
    วิธีรักษา หลุมสิว

    6.การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี

    เป็นวิธีการรักษาหลุมสิว ด้วยการผลัดเซลล์ผิว โดยการเอาเกล็ดอัญมณีที่มีขนาดเล็ก ( Dermabrasion ) สามารถนำมาใช้กับหลุมสิวชนิด Rolling scars หรือ Box scars ได้ เป็นวิธีการรักษาที่ต้องใช้ความชำนาญของแพทย์สูงในการกรอผิวหนังส่วนที่เป็นแผลเป็นออกไป เพื่อให้การสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนที่เดิม จึงช่วยลดรอยสิวของรอยหลุมสิวได้ รอยแผลเป็น รวมถึงจุดด่างดำจากสิวบนใบหน้าให้เลือนลางลดลง และสภาพผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย โดยทั่วไปการรักษาแบบ กรอด้วยเกล็ดอัญมณีนั้น จะต้องทำอย่างต่อเนื่อง 8-10 ครั้งขึ้นอยู่กับปัญหาของหลุมสิวและสภาพผิวของแต่ละบุคคลนั้นๆ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเทคนิคและความชำนาญของแพทย์ ในบางเคสอาจจะ มีการระคายเคืองผิว และอาจมีรอยแดงเรื่อๆ เกิดขึ้นได้ ไม่ควรให้ใบหน้าที่ทำการรักษาโดนแสงแดดร้อนจัด เพราะอาจจะไวต่อแสงแดดได้ ทำให้เกิดรอยดำ, รอยด่างขาว, แผลเป็นนูน, คีลอยด์, สิวหิน เป็นต้น
    วิธีรักษา หลุมสิว

    7.การรักษาหลุมสิวโดยการ ใช้กรดลอกผิว

    เป็นการรักษาหลุมสิว โดยใช้กรดลอกผิว ให้เซลล์ผิวหนังหลุด ทำให้รอบหลุมสิวดูตื้นขึ้น โดยการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดความเข้มข้นแตกต่างกัน แบ่งออกได้เป็น 3 ระดับคือ

    • ระดับชั้นหนังกำพร้า (Superficial chemical peeling)
    • ระดับชั้นหนังแท้ชั้นตื้น (Intermediate chemical peeling)
    • ระดับชั้นหนังแท้ชั้นลึก (Deep chemical peeling)

    การรักษาหลุมสิวโดยการ ใช้ Chemical Peeling เป็นกรดที่ช่วยลอกผิวได้ทั้ง 3 ระดับด้วย % ของตัวยาที่ต่างกัน แต่การรักษาในชั้นผิวหนังที่อยู่ระดับลึก ก็จะมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดรอยดำหรือรอยแผลมากขึ้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นควรให้แพทย์เป็นผู้ดูแลและเลือกระดับยาที่เหมาะสมกับปัญหาของคุณ แต่โดยรวมแล้ว การใช้กรดลอกผิวสามารถช่วยลดรอยแดง รอยดำ ทำให้ผิวนุ่มและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น กระตุ้นให้เซลล์ผิวใหม่ให้แบ่งตัวขึ้นมาบริเวณรอบหลุมสิว แก้ไขเซลล์ ผิวหนังชั้นนอกที่มีปัญหากลับคืนสู่สภาพปกติ รูขุมขนกระชับเรียบเนียนขึ้น

    วิธีทำให้หน้าใส

    8.การ ใช้ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ

    เป็นการรักษาหลุมสิวด้วยการใช้ยากลุ่มวิตามินเอ หรืออนุพันธ์วิตามินเอนั้น จะช่วยในการช่วยปรับโครงสร้างผิวชั้นบน (ผิวหนังชั้นเคราติน) ให้เรียบเนียน ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น สร้างเซลล์ผิวใหม่ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน รวมถึงลดการอุดตันของเคราตินในรูขุมขน ลดการอักเสบของสิวและ หลุมสิวตื้น ๆ อยู่ในระดับที่ยังไม่ลึกมาก อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงกับผิวได้ เช่น ผิวแห้ง แสบหน้า หน้าแดง ผิวลอก ทำให้ผิวระคายเคืองจึงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์หรือเภสัช และควรเลี่ยงการโดนแสงแดดร้อนจัด เพราะผิวจะไวต่อแสงแดดมากขึ้น ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ ห้ามใช้สารในกลุ่มนี้ เพราะจะทำให้เด็กในครรภ์เกิดอันตรายได้
    วิธีรักษา หลุมสิว

    9. การรักษาหลุมสิวโดย การตัดพังผืด

    เป็นวิธีการรักษาโดย การตัดพังผืดหลุมสิวนั้น (Subcision) เป็นวิธีการใช้เข็มขนาดเล็กตัดพังผืดที่ใต้ผิวหนังออก เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวมานาน และกระจายไปเต็มผิวหน้าทำให้เป็นหลุมสิวหรือแผลเป็นที่มี ขอบชัด และมีขนาดลึก หลังจากการตัดพังผืดแล้ว สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีระดับหนึ่ง แต่จะเห็นผลชัดเจนเมื่อทำติดต่อกันอย่างน้อย 3-5 ครั้ง และไม่ควรทำเกินเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อเป็นการพักฟื้นหน้า ให้กระบวนการภายใต้ผิวหนังมีการผลิตคอลลาเจนมาใหม่และเข้าไปเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไป ด้วยกระบวนการนี้จะส่งผลให้ ปัญหาหลุมสิวที่ลึกสามารถดูตื้นขึ้นได้นั่นเอง นอกจากนี้ยังสามารถรักษาหลุมสิวร่วมกับการ ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ได้อีกด้วย เพื่อให้เห็นผลเร็วขึ้น อาจจะมีผลข้างเคียง เช่น อาการบวม เขียว ช้ำ และหากคนไข้ดูแลรักษาแผลไม่ดีพอ อาจติดเชื้อ หรือมีรอยแผลใหม่จากการรักษาได้นะคะ

    สรุป

    ปัญหา หลุมสิว มีสาเหตุหลักๆมากจากสิวอักเสบสิวอุดตัน และพฤติกรรมการทำร้ายผิวหน้าของเราเองโดยการบีบหรือกดสิวนั้นเองทำให้เกิดการเป็นหลุมสิว หากไม่อยากให้เกิดหลุมสิว ควรเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดสิวค่ะ โดยเฉพาะเรื่องของความสะอาด หรือในกรณีที่สิวเกิดขึ้นแล้ว ก็ควรรีบทำการรักษา เพื่อลดโอกาสการเกิดหลุมสิวค่ะ

    และสำหรับใครที่มีปัญหาหลุมสิวเกิดขึ้นแล้ว หากต้องการรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี รวดเร็ว ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ประเมินความรุนแรงและแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมให้ โดยควรเลือกพิจารณาเลือกปรึกษาแพทย์กับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และแพทย์มีประสบการณ์มีความชำนาญในเรื่องการรักษาให้ตรงจุดค่ะ เพียงเท่านี้ปัญหาหลุมสิวที่คุณพบเจออยู่ก็อาจลดลงและผิวหน้าจะดูดี ดูสดใส สวยงามมากขึ้น เพื่อความคุ้มค่าและปลอดภัยในการรักษาค่ะ

    PromotionsBotoxMSP CLINIC

    โบท็อก
    โบท็อก
    โบท็อก
    โบท็อก
    โบท็อก
    โบท็อก
    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

    ติดต่อ MY SUPER CLINIC

    หากคุณสนใจเข้ารับบริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อ MSP Clinic ได้ทันที เวลาทำการ วันอังคาร – วันอาทิตย์ ตั้งแต่ 11.30 – 20.00น.

    Or